วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

WHERE ME GO : OKAY เบตง โคตรจะโอเคเลยยยย

โอเค เบตงงงงง

ถึงเบตงแล้วววว จุดหมายปลายทางของเรา 
แวะมาหลายที่เหลือเกิน

ครั้งต่อไปถ้ามีโอกาสมา สนามบินก็คงเปิดแล้วแหละ
มาลิ้มรสการเดินทางแบบนี้ก็สนุกไปอีกแบบ

และนี่คือที่พักของเรา สำหรับ 2 คืน ในเบตง จ.ยะลา

FOTO HOSTEL 


เห็นหลายคนรีวิวโฮสเทลนี้ แล้วก็น่ารักดี จองบ้างๆ 



แต่ตอนแรกพี่ฟลุค (เจ้าของโฮสเทล) บอกว่าเต็ม 
เราก็หาหลายๆที่
มันไม่ถูกใจอ่ะ จะเอาที่นี่

ลองถามไปอีกที เอ้ามีห้องแหละ



ได้มาเป็นห้อง 4 เตียงเหมือนเดิม  แอร์เย็นฉ่ำ



ชื่อห้องของเราคือ สองแผ่นดิน



ห้องน้ำรวม อยู่ด้านนอก
ข้างบน 1 ห้องน้ำ ข้างล่าง 4 ห้องน้ำ

ราคาคืนละ 1200 บาท รวม 4 คน 
ห้องพักดีกว่าที่ปีนัง เตียงดูมั่นคงกว่าเยอะมากกกก



นี่เป็นบรรยากาศภายในโฮสเทลของเราค่ะ


 สบายๆ เป็นกันเองมาก



สามารถหยิบน้ำได้คนละขวด ต่อวัน ในตู้เย็นได้เลย

....

เอาล่ะ พักผ่อนกันพอสมควรแล้ว 
ออกไปหาอะไรกินกันดีกว่า

พี่ฟลุคแนะนำให้ไปกินร้าน ต้าเหยิน 
ร้านอาหารจีนขึ้นชื่อของที่นี่เลย
จากที่พัก เดินไปไม่ไกลมาก ข้ามแยกหอนาฬิกา 
เดินไปอีก 350 เมตรก็เจอเลยค่ะ

ร้านอยู่ตรงข้ามร้านถ่ายรูปสีเขียวๆ ร้านดาวรุ่ง ....
ชื่อคุ้นมากๆ อ่ะแหละ 🤭🤭🤭

และนี่คือ มื้อเย็นของพวกเรา



ไก่เบตง



น่ากินมากมายยยย










มื้อนี้ 1,080 บาทจ้าาาา



ระหว่างที่กิน ก็ยังไม่รู้จะไปไหนต่อ

พอดีมีน้องที่รู้จัก อยู่ที่เบตง
เสนอมาว่าจะพานั่งรถเที่ยวรอบเบตงเลย

เอาสิหนู มาตอนนี้เลยเด้อออออ



ระหว่างรอรุ่นน้องขับรถมารับ 
เราก็เดินเล่นถ่ายรูปไปเรื่อย กินไปเรื่อย



หอนาฬิกาเบตง
จะสวยมาก ถ้าไม่มีสายไฟขนาดนี้ 
พันอย่างกับเป็นสายสิญจ์เลยจ้าา



ตู้ไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก....
ซะเมื่อไหร่ละ มีอีกอันใหญ่กว่านี้น๊าาาา



น้องมารับแล้ว ที่แรกที่ไปคือ สนามกีฬาเบตง




ที่คิดว่าจะเดินมาตอนแรกนั้น เออ ดีแล้วแหละที่มารับ 
ในแผนที่เขียนว่า 900 เมตร 
แต่นั่งรถมามันไกลกว่านั้นอ่ะ


ในที่สุดเราก็มาถึงสถานที่ที่พี่ตูน
มาฟิตซ้อมร่างกายก่อนวิ่ง


บรรยากาศคึกคักมาก



น้องที่น่ารักก็พาไปจุดต่างๆรอบเบตง 



ที่ไม่อาจมาเองได้ด้วยการเดิน
( เช่ามอไซด์ขับ จะดีมาก แต่ทีมเราขับไม่ค่อยเป็นกัน )


นี่ไง ตู้ไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกกกก
จะหยอดจดหมายยังไงดี







ก่อนจะกลับที่พัก รุ่นน้องพามากินร้านนี้ 
ชื่อหม่งม๊ง เป็นร้านบ้านๆเลย





ดึกแล้ว...แล้วไงใครแคร์
😓



ขนมเผือก



ขนมปังบางกรอบอร่อยมากเว่อร์ 



มีเมนูน้ำแปลกๆให้ลอง




เนสตุ้ม กับ โอวัลติน จำชื่อไม่ได้แล้ว 
แต่มันคือโอวัลตินที่ใส่แค่นมข้นหวานกับผง



ที่แปลกกว่าจะเป็นเนสตุ้ม 
ซึ่งหากินที่กรุงเทพค่อนข้างยาก
อยากรู้เป็นยังไง มาลองกันนะคะ



เบตงก็ฮิตเรื่อง Street art ไม่ต่างจากปีนัง
ตามกำแพง เต็มไปด้วยลวดลายgraffiti มากมาย 



น้องแมวววววว เมี้ยวววว~ 



แต่เราเสพงานกำแพงจากปีนังมาจนเต็มลิมิตแล้วจริงๆ
เลยไม่ค่อยได้สนใจในส่วนนี้เท่าไหร่ 
นอกจากกเรื่องของกิน



เดินๆกัน ก็ระวังกับดักนกตามสายไฟด้วยนะจ๊ะ
อาจโชคดีเจอ ของฝากจากนกน้อย
💩💩💩

หลายๆคนที่รู้จักบอกว่า 
เบตงของกินอร่อยเยอะมากกกกก

ทริปตัวแตก จะไม่ยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้ 

แต่ตอนนี้ท้องแน่นมากแล้วจริงๆ



ไปพักก่อนนะ เหนื่อยจากการเดินทางมาด้วยแหละ
พบกันใหม่พรุง่นี้จ้าาา


................

อ่ะ ต่อเนื่องกันไปเลยนะ

วันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2020 เช้านี้ที่เบตง
เช้ามากจริงๆ เราพร้อมกันที่ด้านล่างตอน 04.30 น.
เพื่อออกเดินทางไปชมทะเลหมอกอัยเวง



เราซื้อแพคเกจทัวร์จากที่โฮสเทล ราคาเหมารถ 1 คัน 
รับได้ 10 คน แต่เราไปกัน 5 คน 
มีคนอื่นมาร่วมทริปด้วย 1 คน
เหมาๆคันละ 2500 ไป  8 สถานที่ หารกันสบายๆจ้าาา

ให้เวลาเดินทางไปชมทะเลหมอก ประมาณ 40 นาที 
ข้างทางมืดมาก อากาศดี และง่วงมากด้วยจริงๆ

พอถึงแล้ว พี่คนขับแนะนำให้นั่งมอเตอร์ไซด์ขึ้นไปคนละ 20 บาท
ขากลับค่อยเดินลงมาที่จอดรถ



สวัสดี 1.ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง
อากาศตอนเช้าคือค่อนข้างหนาว

แนะนำเอาเสื้อคลุมกันลมไปด้วย
เรารอกันสักพักใหญ่ คนเริ่มทยอยขึ้นมาที่จุดชมวิว



รอแล้วรอเล่า ก็ไม่เห็นวี่แววของทะเลหมอกเลย
ทั้งที่มันมีตลอดทั้งปี



หมอกจ๋าาา เธออยู่หนใด



น่าเสียดายมาก วันที่เรามา มันไม่มีจริงๆอ่ะ
เนื่องจากความชื้นในอากาศมันไม่เพียงพอ ลมแรงด้วย



เก็บภาพวิวเอาแล้วกัน





วิวที่ไม่มีทะเลหมอก ก็สวยดี



ชมวิวเสร็จ พี่คนขับก็พามาหาอาหารเช้าทานกัน



เป็นตลาดเล็กๆ มีหลายเมนู สั่งเอง จ่ายเอง 
ราคาปกติ 20 -50 บาท



นี่คือหน้าตาอาหารเช้าของเราค่ะ



ข้าวหมกไก่



อิ่ม อร่อยตามราคาค่ะ



อิ่มแล้วไปต่อได้
...

นั่งรถกันไปอีกแปบนึง คนขับก็หยุดรถ
2.สะพานแตปูซูค่ะ


สะพานแตปูซู เป็นสะพานไม้เก่าแก่ ข้ามแม่น้ำปัตตานี
ที่นี่เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ ที่คนนิยมมาถ่ายรูปกัน



สะพานนี้เป็นสะพานไม้ มีลวดสลิงเป็นตัวยึด
และในปัจจุบันก็ยังถูกใช้งานอยู่

โดยเป็นทางสัญจรเล็กๆ
เป็นทางเดินเท้า หรือจักรยาน กับมอเตอร์ไซด์เท่านั้น



ข้ามสะพานไป ก็จะเป็นชุมชนเล็กๆอาศัยอยู่



ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันหน่อย



จากนั้นเราก็ไปหาของกินกันต่อเถอะค่ะ



ที่นี่เลย 3.ก๋วยจั๊บแช่ขา



เป็นร้านก๋วยเตี๋ยว บรรยากาศธรรมชาติ
นั่งกินกลางลำน้ำเย็นๆ ชิวมากกก



Thailand Land of Smile
😁





เราใช้เวลาอยู่ตรงนี้ค่อนข้างนานพอสมควร



อาหารที่สั่งมาเสริฟแล้ววว
มื้อก่อนเที่ยง😆





ถ่ายรูปกันอื่มแล้ว ก็ออกเดินทางต่อค่ะ

ร้านต่อไปของเรา 4.เฉาก๊วย กม.4


เขาให้เข้าไปดูขั้นตอนการทำเฉาก๊วยได้เลยค่ะ


เอาต้นเฉาก๊วยมาต้ม โดยที่นี่จะไม่ใส่วุ้น
แต่จะใส่แป้งเล็กน้อยให้พอหนึบๆ


โดยใช้เวลาเคี่ยว 4-5 ชั่วโมง
ใช้ฟืนในการจุดไฟต้มนะคะ ก็จะได้กลิ่นหอมๆ
จากฟืนด้วยค่ะ ส่วนกากก็เอาไปทำปุ๋ยต่อ


เฉาก๋วยหนึบๆ กลิ่นหอมจ้าาา


หลังจากกินเสร็จแล้ว พี่ที่มาด้วยกันอีกคน
ก็จะต้องกลับแล้ว เพราะเขาต้องออกเดินทางต่อ



ยังไงพี่ กลับไม่กลับ...

สุดท้าย การเดินทางของพี่ก้อง ที่เราเพิ่งรู้จักกันนั้น
ก็ต้องเปลี่ยนไป แล้วหนีตามพวกเรามา



ฮ่าๆๆๆๆๆ

ต้านทานความบันเทิงของพวกเราไม่ไหว
เที่ยวกับพวกเราต่ออีกวัน



พวกเราแวะถ่ายรูปตามทางไปเรื่อยๆ



พี่คนขับคือดีมาก แวะให้เราหลายที่
แถมยังแนะนำมุมถ่ายรูปต่างๆให้ด้วย



นานๆจะมีรถขับผ่านมาทีนึง
ถ่ายรูปกันได้สบายเลย





นี่เป็นอีกไฮไลท์ของที่นี่เลย
โค้งตัว U



แดดเริ่มมา อากาศเริ่มร้อน
เราควรหยุดถ่ายรูป แล้วไปขึ้นรถออกเดินทางต่อนะ



...............................................

ถึงแล้ววว
5.อุโมงค์ปิยะมิตร



เข้ามาถึงก็เจอเจ้าแม่กวนอิม
กับสะพาน 12 นักษัตร



ไปซื้อบัตรเข้าชมกันก่อนนะ 20 บาทเท่านั้นนนน



นี่เป็นแผนที่เดินป่าของพวกเราค่ะ



อุโมงค์ปิยะมิตร เป็นอุโมงค์ที่เจาะลึกเข้าไปในภูเขา
มีเส้นทางที่คดเคี้ยวมาก
ยาว 1 กิโลเมตร กว้าง ประมาณ 60 ฟุต

ใช้เวลาขุดอุโมงค์นาน 3 เดือน
สร้างเมื่อปี พ.ศ.2519



บริเวณรอบๆ ก็จะมีทั้งศูนย์ปฏิบัติการของพรรคคอมมิวนิสต์
ที่เผาถ่าน เผาฟืน สถานพยาบาล ที่พักอาศัย

ที่ประกอบพิธีทางศาสนา โรงครัว หอประชุม
กระจายอยู่ทั่วบริเวณเขาแห่งนี้



อุโมงค์นี้เคยเป็นฐานที่ตั้งของพรรคคอมมิวนิสต์มลายา
โดยใช้เป็นที่หลบภัยทางอากาศ



ลึกลับซับซ้อน มีทางเข้าออกหลายทาง


ใครกลัวที่แคบ ไม่แนะนำให้เข้ามานะคะ


โดยภายในก็จะมีส่วนของการปฏิบัติงานต่างๆ


มีช่องทางลำเลียงเสบียง


นกมีหูหนูมีปีก.... หนูจะโผล่มาตอนนี้ไม่ได้นะลูกกก
โคโรน่ากำลังมาแรง ไม่อยากติดเทรนเด้ออ



มุงอะไรกัน...
เท่าที่จำได้คือ ตะโกนลงไปทักทายคนที่เดินด้านล่าง
😂😂😂



นอกจากนี้ ก็ยังมีพิพิธภัณฑ์
จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ของสถานที่แห่งนี้



มีทั้งอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ ทันตกรรมมายกเซต



เครื่องดนตรี ไว้สร้างความบันเทิงกันบ้าง



ข่าวสาร และบุคคลสำคัญต่างๆ
ที่เกี่ยวข้องกับพรรคคอมมิวนิสต์มลายา



อุปกรณ์สมัยโบราณ ไว้ตอกจดหมาย





ชมด้านบนเสร็จแล้ว ก็เดินลงไปทางออกด้านล่าง
เป็นทางไปอีกหนึ่งไฮไลท์ของเรา



6.ต้นไทรพันปี !!!



นักท่องเที่ยวก็ไม่พลาดแน่นอน ที่จะถ่ายรูปกับต้นไทรนี้



เป็นต้นไทรที่มีความสวย ตระหง่าน
สูงใหญ่มาก



หลังจากดิ่มด่ำกับประวัติศาสตร์กันพอสังเขปแล้ว
ท้องก็เริ่มร้อง...


แดดร้อนมากเว่อร์


ไปหาอะไรกินกันเถอะ



มีใครบางคนเริ่มไม่ไหวแล้วแหละ
ฮ่าๆๆ



คนขับรถแนะนำร้านปลานิลน้ำใส ให้พวกเรา
โดยที่นี่เป็นร้านอาหารเพิ่งเปิดใหม่

และเป็นบ่อเลี้ยงปลานิลด้วย



น้ำฟัก น้ำอะไรไม่รู้ และน้ำเก็กฮวย



มาแล้ววอาหารกลางวันของพวกเรา
จำราคาไม่ได้แล้ว แต่คือถูกมากกกกกกกก



ไปต่อกันอีกที่ก่อนกลับเข้าเมือง



7.บ่อน้ำร้อนเบตง



มีแช่ไข่ตามธรรมเนียม



ส่วนนี้เป็นสระ ที่มีท่อระบายจากบ่อน้ำร้อนเข้ามาที่สระ




ทุกคนก็สามารถมาแช่น้ำ หรือเล่นน้ำที่นี่ได้ 
โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย



นั่งกันครึ่งชั่วโมง ขึ้นมาก็จะแดงประมาณนี้



ส่วนตัวแล้วค่อนข้างเฉยๆกับบ่อน้ำร้อนที่นี่
แต่ก็ยังถือว่าเป็นอีกสถานที่พักผ่อนที่ดี

สำหรับผ่อนคลายความเมื่อยล้าซักหน่อย



เอาล่ะ ก่อนจบทริป แวะย้อนกลับไปถ่ายรูปกันหน่อย



8.ใต้สุดแดนสยาม 
ป้ายนี้อยู่ตรงด่านข้าม เบตง - มาเลเซียค่ะ

.........

จบทริป One day ที่เราเหมามาแล้ว
ก็ให้พี่เขามาส่งที่ตลาดสด

ไปหาของกินกันต่อค่ะ



สายคาเฟ่อย่างเรา ก็ต้องแวะซักหน่อย

ร้านไจ่ไจ๋ 
Let's tuck into the goodies coffee 
Bakery & Thai Dessert

ชื่อยาวมากอ่ะแหละ



ร้านสีเหลืองตกแต่งน่ารัก อยู่ตรงตลาดสด
ใกล้ธนาคารออมสิน



ขนมอร่อย เค้กนุ่ม
เคยลองกินขนมผิงของร้านนี้ คือดีละมุน
ละลายในปาก อยากรู้มาลองๆ

ลองเชคเมนูที่เพจเขาก่อนได้นะ
เมนูใหม่ๆ อัพเดทบ่อยๆ



น้ำมากมายให้เลือกสรร
บรรยากาศร้านชิวดี เหมือนสภากาแฟแบบคนรุ่นก่อน
แล้วมาประยุกต์ใหม่ เกร๋ๆ



พักเหนื่อยกันพสมควร
กลับที่พักกันแปบนึง พักก่อน ค่อยออกมาหาอะไรกินต่อ

...



พักผ่อนกันพอประมาณ
ไปต่อกันที่ ไก่เบตง ร้านนี้อยู่ตรงตลาดสด
แพงมากกก และไม่ค่อยเด็ดเท่าไหร่



ไปกินโรตีกันดีกว่า
รอบสองของทริปเบตงแล้วนะ ร้านนี้อ่ะ



จัดว่าเด็ด อร่อย ปลอดภัย
ร้านอยู่ตรงหอนาฬิกานะ



เดินข้ามหอนาฬิกา มาอีกฝั่ง
ก็จะเจอร้านน้ำแข็งใส



ซักหน่อย เบาๆ ก่อนนอน



น้ำขิง หอมหวานกำลังดี



เดินย่อยกันซักเล็กน้อย ที่อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์



เดินทะลุไปอีกฝั่งก็จะมีงานวัด ฝั่งนั้นมีห้องน้ำสาธารณะ
ใช่ค่ะ หาห้องน้ำ ลืมถ่ายรูปงานวัด
ฮ่าๆๆๆ



อ่ะ เหนื่อยมากแล้ว เพราะตื่นเช้ามากด้วย
กลับที่พักกันเถอะทุกคน

..........

วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2020 

วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เบตงแล้ว
เราตื่นกันเช้ามาก เพื่อจะออกมากินติ่มซำก่อนกลับ



ติ่มซำไทซีอี๊
ถึงร้านประมาณ 6 โมงเช้า คือคนเต็มร้านแล้วอ่ะ



มาแล้ววว ติ่มซำของเรา
รอนึ่งนานมาก



ติ่มซำจบ แต่กระเพาะไม่จบ
ไปต่อค่ะ



กินให้คุ้มทุกเมนู แม้ว่ากรุงเทพจะมีก็ตาม



ไปทุกร้านที่ไปได้



และที่ขาดไม่ได้เลย ข้าวมันไก่เบตง

...

สังเกตว่าที่เบตง มีร้านขายยาเยอะมาก
เยอะจนเลือกไม่ถูกเลยจะเข้าร้านไหนดี

อีกทั้งตึก อาคารของเขาก็ทาด้วยสีสันสดใส



ถ้าจำไม่ผิด จากที่คนท้องถิ่นเคยเล่าให้ฟัง
คือทางราชการมาทาให้ เพื่อสนับสนุนเป็นเมืองศิลปะ
เลือกสีที่ต้องการแล้วเขาก็มาจัดการทาให้สวยงาม



พอดีเลย เช้านี้เขามีแห่เจ้ากัน
ซึ่งเป็นประเพณีท้องถิ่นที่สำคัญของชาวเบตง



นึกว่าจะไม่ทันเห็นขบวนแห่ซะแล้ว
เธอมาได้ทันเวลาพอดี อย่างกับรู้ใจ 💓


ขบวนแห่เจ้าอะไรไม่รู้ รู้แต่จริงจังมาก



ชาวเบตงให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
มีกองดุริยางค์พร้อม



กับขบวนจากชมรมต่างๆของทางเบตงมาร่วมเดิน
หาหางแถวไม่เจอ



แห่เข้ามาอวยพรในที่พักของเราด้วย
เฮง เฮง เฮง
...

หมดเวลาแล้ว ฉันคงต้องไป


เอาล่ะ รถมารับแล้วจ้าา

ทางโฮสเทลจัดการจอง และนัดเวลาให้เราเลย
ถึงเวลารถก็จะมารับที่หน้าที่พัก

โดยรถจะไปส่งถึง บขส.หาดใหญ่
ราคา 260 บาท ต่อคน




นั่งกันยาวๆ 4 ชั่วโมง มีแวะเข้าห้องน้ำ 1 ครั้ง



ลาตัวน้อย ณ ยะลา



ส่งท้ายทริปกันด้วย เฝอ ชาบู สาขา 2
ตรงหน้าซอย บขส. หาดใหญ่กันเบาๆ อีกซํกมือ

........

จากนี้ ทุกคนก็แยกย้ายไปตามทางของแต่ละคน
แต่ทริปของเรายังไม่จบ

ไปต่อกระบี่กันเถอะจ้าาา ยาวไปๆ
💟💟💟



สรุปค่าใช้จ่ายสำหรับทริปนี้ทั้งหมด
กรุงเทพ - หาดใหญ่ - ปีนัง - เบตง - หาดใหญ่ - กรุงเทพ

ใช้จ่ายปีนัง :
  ใช้ไป 558.85 ริงกิต เรท 7.53 = 4208 บาท ( 4 คน = คนละ  1,052  บาท )
  ค่าเดินทาง / ค่าที่พัก / ค่าเข้าUPSIDE DOWN / ค่ากิน 

ใช้จ่ายเงินไทย : 
  ใช้ไป 24,212.80 บาท ( 4 คน = คนละ  6,053.20 บาท )
  ค่ารถไฟ กรุงเทพ - หาดใหญ่  / ค่าที่พักเบตง / ค่าทริปเบตง / ค่ากิน / ค่าเดินทาง / 
  ค่าเข้าสถานที่ต่างๆ / ค่าทิปคนขับ / ค่าตั๋วเครื่องบินขากลับ หาดใหญ่ - กรุงเทพ
** เศษมาจากค่าตั๋วเครื่องบิน 

รวมค่าใช้จ่าย 28,420.80 บาท ( 4 คน = คนละ 7,105 บาท )