หลังจากผ่านการเดินทางมากว่า 23 ชั่วโมง
จากกรุงเทพ - หาดใหญ่ - ปีนัง
ก็ถึงที่หมายได้เวลาเริ่มต้นทริปของเราจริงๆซักที
ก่อนที่จะออกไปเที่ยวกัน
ขอแนะนำที่พักของเราในค่ำคืนนี้กันก่อน
เราพักกันที่ Wassup Youth Hostel
อยู่ที่จอร์จทาวน์ ปีนัง
บรรยากาศภายในที่พัก
ที่พักใกล้กับตึก Komtar ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้า
และสถานีรถประจำทางของทุกสายเลยค่ะ
จองผ่าน Booking.com เป็นห้องเตียง 2 ชั้น 4 เตียง
ห้องน้ำส่วนตัว 2 ห้อง
ราคา 130.89 ริงกิต ( รวม Tax แล้ว )
เป็นเงินไทย 986 บาท จ่ายเงินตอนเชคอิน
พร้อมมัดจำอีก 50 ริงกิต
ที่พักของเราอยู่ชั้น 3 และไม่มีลิฟต์จ้าา
แต่โดยรวมสภาพห้อง กับที่พัก และทำเล
ก็คุ้มราคาแล้วนะ
นี่คือห้องนอนของเรา
มีลอคเกอร์ให้ด้วยนะ แต่พวกเราไม่ได้ใช้หรอก
มีห้องน้ำ 2 ห้อง พร้อมไดร์เป่าผม
มีสระว่ายน้ำเล็กๆ แต่มันเล็กเกินกว่าที่เราจะว่ายเนอะ
ตู้ขนม และของใช้ส่วนตัว พวกแปรงสีฟัน
สบู่ ยาสระผม (ที่พักไม่มีให้)
วิวจากห้องนอนค่ะ
และนั่นคือสะพานที่เราต้องเดินข้ามไป เพื่อไป Street art
...
เอาล่ะ ออกไปเที่ยวกันดีกว่า
อย่างที่บอกเลยว่า ไม่มีการวางแผนเที่ยวใดๆทั้งสิ้น
หยิบแผนที่ของโรงแรมออกมา
กับโทรศัพท์ที่มีเนทเครื่องเดียวของเพื่อนมาช่วยนำทาง
ปักหมุดกันไปที่ Street Art ระหว่างเดินไป
ก็เห็นในแผนที่ว่ามันมี Upside Down
เลยตกลงไปที่นั้นกันก่อน
ถึงแล้วจ้าา UPSIDE DOWN
มี 2 สาขานะ ถ้าเข้าอันแรกแล้ว เอาบิลไปให้อีกสาขา
เขาจะลดค่าเข้าไป 2 ริงกิต แต่เราเข้าอันเดียวพอละค่ะ
ค่าเข้าคนละ 29 ริงกิต
มีตู้ให้เก็บรองเท้า พร้อมกุญแจลอคเก่อร์
เข้าไปแล้วไม่ต้องกังวลเลยว่าจะแย่งมุมกันถ่ายรูป
เพราะเขามีเจ้าหน้าที่ คอยจัดท่าทาง และถ่ายรูปให้
บางมุมก็จะงงๆหน่อย ออกมายังไง
สนุก แต่ก็เหนื่อยมากจ้าา
ไปต่อกันที่ Street Art เราก็เดินมั่วมาเรื่อยๆ
เจอตามกำแพงต่างๆ
ถ่ายรูปเล่นกันเพลินๆ
กระต่ายตัวนี้มันมีตอนกระโดดเข้ากำแพงด้วยนะ
แต่ตอนเดินผ่านไม่ได้ถ่ายไว้
Street art เยอมากจริงๆ
แวะกิน ICE BALL น้ำแข็งใสของที่นี่ค่ะ
ลูกละ 3 ริงกิต ลูกใหญ่มากกก
กว่าจะหาวิธีกินได้ คือเลอะเทอะมาก ฮ่าาา
วิธีกินคือ หมุนลูกบอลด้วยไม้ แล้วดูดน้ำวนไปเรื่อยๆ
จอร์จทาวน์ ( Georgetown ) จัดเป็นเมืองมรดกโลก
ทางด้านสถปัตยกรรม โดยบรรยากาศในเมืองนี้จะยังอนุรักษ์
อาคารบ้านเรือนไว้ให้เป็นแบบเดิม คือสไตล์ชิโน- โปรตุกิส
อาคารบ้านเรือนจะเป็นแบบ โคโรเนี่ยล
เรียกได้ว่าเป็นเมืองเก่าที่มีเสน่ห์มากๆเลย
มีศาลเจ้า
มัสยิดก็ด้วย
นอกจากความสวยงามของบ้านเมืองแล้ว
ที่ขึ้นชื่อของปีนังก็คือ ของกินนนนนนนนนนนนนน
ท้องก็เริ่มหิว ว่าแล้วก็ไปหาอะไรกินกันดีกว่า
จัดไปค่ะ Street Food ที่ตลาดโต้รุ่งปีนัง
เป็นพวกลูกชิ้นต่างๆ หมู ไก่ ลวกแล้วก็กินได้เลย
มาถึงร้านก็หยิบจานที่มีถุงพลาสติกหุ้มไว้
แล้วก็เลือกที่อยากจะกิน เอาไม่จุ่มน้ำร้อนในหม้อ
มีน้ำจิ้มให้เลือก4-5 รสชาติ
มีสองหม้อให้เราไว้ลวก กินจนพอใจ
แล้วก็เอาไม้ไปให้เขาคิดเงิน ซึ่งราคาจะแยกตามสีไม้
ร้านนี้จำไม่ได้ว่าหมดไปเท่าไหร่
น่าจะประมาณ 28 ริงกิต
เสร็จแล้วก็ต่อที่เฉาก๊วยปีนัง
ลืมโฟกัสรูป ด้วยความรีบจะกิน ฮ่าาาาๆๆๆ
ลืมโฟกัสรูป ด้วยความรีบจะกิน ฮ่าาาาๆๆๆ
มีสองแบบ คือ เฉาก๊วยจริงจัง รสชาติค่อนข้างขม
กับ เฉาก๊วยใส่สมุนไพรอะไรซักอย่าง รสชาติดีขึ้นมาหน่อย
ราคาถ้วยละ 5 ริงกิต จัดไปอย่างละถ้วย
เฉาก๊วยยังไม่ทันหมด ก็หาอะไรหนักๆกินกันต่อ
เมนูก็ไม่ต่างจากบ้านเราเท่าไหร่
หอยทอด 14 ริงกิต
ผัดหมี่ 6.50 ริงกิต
ราดหน้า 7 ริงกิต
ข้าวอบไก่ 8 ริงกิต
น้ำเปล่า ขวดละประมาณ 2 ริงกิต
หลังจากท้องอิ่มแล้ว พวกเราก็เดินเล่นต่อนิดหน่อย
เดินไปกันที่ห้าง Pragin Mall และ Komtar
ซึ่งมันไม่มีอะไรเลยอ่าาา
เดินเลาะไปทางโรงแรม เจอตึก GAMA แวะไปสักหน่อย
พบว่าเป็น Super Market คล้ายๆ Top บ้านเรา
ได้ขนมมาคนละหน่อยเป็นของฝาก
ถ้าไม่รู้ซื้ออะไรก็แนะนำ Beryl's Chocolate
สมควรแก่เวลา กลับห้องนอนพักกันดีกว่า
เดินทางเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว
พบกันใหม่พรุ่งนี้ค่ะ
เราจะเดินทางไปเบตงกันนนนนนนน
.............................................................................
ลงยาวๆต่อเนื่องไปเลยละกัน
วันศุกร์ที่ 31 มกราคม 2020
เช้านี้เรายังอยู่กันที่ปีนังครึ่งวัน เที่ยวให้คุ้มก่อน
เราออกจากที่พัก 9.00 น.
เป้าหมายแรกคือ ไปหาข้าวเช้ากินกันเถอะ
เราเดินกลับมาทางที่มาเมื่อวาน
ร้านอาหารเต็มไปหมดเลย เลือกกันแบบวัดดวง
อาหารเช้าของเรามื้อนี้คือ บะหมี่จ้าาา
อร่อยดีนะ 5 ชาม 29 ริงกิต
ระหว่างที่นั่งรอ ก็ไปเห็นหน้าร้านมีขายขนม
หน้าตาแปลกๆอยู่ เลยขอลองซักหน่อย
มีหลายใส้ให้เลือก ราคาก็แตกต่างกัน
มีทั้งถั่วแดง กล้วย ไข่ และอื่นๆ แต่เราอยากลองแบบธรรมดา
ราคาแบบธรรมดาชิ้นละ 1.20 ริงกิต
แบบธรรมดาก็จะทาเป็นซอสถั่วแดง กับข้าวโพด
แป้งอร่อยดี ตัวเนื้อก็รสชาติโอเคนะ ต้องลองๆ
หลังจากอิ่มกันแล้ว เป้าหมายต่อไปคือ
Cafe'55 เราไปตามรีวิวเลย
รีวิวเขาบอกว่าเป็นร้านที่ทำฟองเป็น 3D
ได้ทั้งกาแฟ และโกโก้ร้อน
ปักหมุดแล้วไปกันเลยยยย
ระหว่างทางเราก็เก็บภาพ Street Art ตามกำแพงไปเรื่อยๆ
ร้านอยู่ห่างจากที่พักไกลพอสมควร
เข้าซอยนี้ ออกซอยนั้น
งานศิลปะ เรียกได้ว่ามีเกือบทุกพื้นที่
ของเมืองจอร์จทาวน์เลยแหละ
ถ่ายรูปกันจนเหนื่อย
เยอะมากจริงๆ น่ารักด้วย
ถ่ายรูปกันไปเพลินๆ อากาศกำลังดี
ถึงแล้วววว Cafe'55
วันศุกร์ที่ 31 มกราคม 2020
เช้านี้เรายังอยู่กันที่ปีนังครึ่งวัน เที่ยวให้คุ้มก่อน
เราออกจากที่พัก 9.00 น.
เป้าหมายแรกคือ ไปหาข้าวเช้ากินกันเถอะ
เราเดินกลับมาทางที่มาเมื่อวาน
ร้านอาหารเต็มไปหมดเลย เลือกกันแบบวัดดวง
อาหารเช้าของเรามื้อนี้คือ บะหมี่จ้าาา
อร่อยดีนะ 5 ชาม 29 ริงกิต
มีทั้งบะหมี่หมูแดง
บะหมี่เป็ด หรือข้าวหน้าเป็ดก็มีนะ
5 ชาม 29 ริงกิต
หน้าตาแปลกๆอยู่ เลยขอลองซักหน่อย
มีหลายใส้ให้เลือก ราคาก็แตกต่างกัน
มีทั้งถั่วแดง กล้วย ไข่ และอื่นๆ แต่เราอยากลองแบบธรรมดา
ราคาแบบธรรมดาชิ้นละ 1.20 ริงกิต
แบบธรรมดาก็จะทาเป็นซอสถั่วแดง กับข้าวโพด
แป้งอร่อยดี ตัวเนื้อก็รสชาติโอเคนะ ต้องลองๆ
หลังจากอิ่มกันแล้ว เป้าหมายต่อไปคือ
Cafe'55 เราไปตามรีวิวเลย
รีวิวเขาบอกว่าเป็นร้านที่ทำฟองเป็น 3D
ได้ทั้งกาแฟ และโกโก้ร้อน
ปักหมุดแล้วไปกันเลยยยย
ระหว่างทางเราก็เก็บภาพ Street Art ตามกำแพงไปเรื่อยๆ
ร้านอยู่ห่างจากที่พักไกลพอสมควร
เข้าซอยนี้ ออกซอยนั้น
งานศิลปะ เรียกได้ว่ามีเกือบทุกพื้นที่
ของเมืองจอร์จทาวน์เลยแหละ
ถ่ายรูปกันจนเหนื่อย
เยอะมากจริงๆ น่ารักด้วย
ถ่ายรูปกันไปเพลินๆ อากาศกำลังดี
ถึงแล้วววว Cafe'55
ร้านก็น่ารักดี
ก่อนหน้าเรามา มีนักท่องเที่ยวโซนยุโรปมานั่งชิวกันอยู่
พอพวกเราเข้ามา อ้าวว หายหมดเลย
ฮ่าๆๆๆๆ
เปิดดูเมนู และสอบถามกับพนักงาน
เสียใจมากอ่ะ มันไม่มี 3D แล้ว เหมือนว่าเปลี่ยนผู้จัดการ
แล้วก็ไม่มีใครมาเทรนการทำฟองนมให้
โถ่วววว เศร้าแท้
แต่ไม่เป็นไร สั่งอย่างอื่นมาก็ได้
กาแฟ โกโก้กันคนละแก้ว
เพิ่มเติมคือเครปบลูเบอรี่ครีมชีส
อร่อยอ่ะ
รสชาติก็กำลังดี ร้านนี้รับบัตรเครดิตนะคะ
เนื่องจากเราไม่ได้คิดว่าจะใช้จ่ายอะไรเยอะมาก
เลยแลกกองกลางมาส่วนนึง และส่วนตัวอีกนิดหน่อย
ปรากฏว่าเงินส่วนตัว ก็คือกองกลางไปเลยจ้าา
เกือบไม่พอแหนะ
ด้วยความที่เรายังต้องสำรองเงินไว้สำหรับเดินทาง
ไปเบตง เลยเก็บเงินสดไว้หน่อย รูดบัตรแทน
ร้านนี้หมดไป 67.85 ริงกิตค่ะ
นอกจากจะเป็นร้านกาแฟแล้ว เขายังเป็นแกลลอรี่ด้วย
มีจัดภาพแสดง และขายงานภาพ สามารถเดินดูได้
มีสองชั้นให้เดินชมกันสบายๆ
วินเทจหน่อยๆ
หลังจากเพลิดเพลินสมควรแก่เวลาแล้ว
ก็กลับโรงแรมกันดีกว่า
ระหว่างทางแวะหาซื้อของฝาก โปสการ์ดกันหน่อย
เขาบอกถนน Love Lane มี ซึ่งอยู่ห่างจากร้านแค่ 350 เมตร
แต่มันไม่มีอะ หรืออาจจะเช้าไปยังไม่เปิด
เจอปืนใหญ่แทน
ชมวิวไปเรื่อย ถ่ายรูปไปเรื่อย
บ้านเรือนเขาเล่นสีสันสวยจริงๆ
ทริปนี้รูปล้นมาก
เดินไปเรื่อยๆ แวะไปกินลอดช่องชื่อดัง
ของที่นี่ก่อนเข้าโรงแรม เพราะมันอยู่ใกล้ๆกัน
PENANG ROAD FAMOUS TEOCHEW CHENDUL ICE
ตรงข้ามร้านลอดช่องมีขายของที่ระลึกจ้าาาาาาา
มาเลือกซื้อกันที่นี่ได้นะ ถ้าใครหาไม่เจอ
มาสนใจที่ลอดช่องกันดีกว่า
มันไม่เหมือนลอดช่องสิงคโปร์บ้านเราอ่ะ
สั่งไม่เป็นด้วย เลยบอกเขาเอา 4 ถ้วย
ได้มาอย่างที่เห็นค่ะ คือรวมทุกอย่างอยู่ในนี้
ราคาถ้วยละ 2.50 ริงกิต
จำได้ว่ามีลอดช่อง ถั่วแดง แล้วอะไรอีกนิดหน่อย
รสชาติคือ เค็ม !!!!
เรากินไม่หมดอ่ะ ลอดช่องสิงคโปร์บ้านเราดีกว่า
แต่ถ้ามาแล้ว มาลองให้รู้ก็ได้นะคะ
เอาล่ะ 11.20 แล้ว กลับที่พัก เก็บของ
แล้วออกเดินทางไปเบตงกันต่อดีกว่าาาา
บลอคหน้าเราจะมาเล่าให้ฟังว่าจากปีนัง ไป เบตง
ไปยังไง โดยไม่เหมารถ
คือหารีวิวไม่ได้จริงๆอ่ะแหละ คนท้องถิ่นยังไม่รู้เลย
ได้ข้อมูลมาคร่าวๆ แล้วก็คลำๆทางไป
พบกันบลอคหน้าค่ะ
.............
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น